หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555


เทคโนโลยีสาระสนเทศและการสื่อสาร
                                         เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ สรุปเทคโนโลยี คือ วิธีการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งต่าง ๆ สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความจริงของคน สัตว์ สิ่งของที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ที่ได้รับการจัดเก็บรวบรวม ประมลผล เรียกค้น และสื่อสารระหว่างกันนำมาให้เกิดประโยชน์ได้
    เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) : IT) หมายถึง การนำวิทยาการที่ก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์และการสื่อสารมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ในการรวบรวม จัดเก็บใช้งานส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ ในการจัดการสารสนเทศได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้างขั้นตอนวิธีการดำเนินการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ยวข้องกับข้อมูล บุคลากร และกรรมวิธีการดำเนินงาน เพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด
    สรุป เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีที่ครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูล ซึ่งได้แก่การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์การติดต่อสื่อสารระหว่างกันด้วยความรวดเร็ว การจัดการข้อมูลรวมถึงวิธีการที่จะใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด






ประวัติของเทคโนยีลีสารสนเทศ

                            เทคโนโลยีสารสนเทศเกิดจากการรวมกันของสองเทคโนโลยี คือ เทคโนโลยีโทรคมนาคมกั้บเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การศึกษาประวัติของเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงย้อนกลับไปพิจารณาพัฒนาการของเทคโนโลยีโทรคมนาคมและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
    จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีโทรคมนาคมคือการประดิษฐ์โทรเลขของแซมมวล  มอริส (Samual Morse) ในปี พ.ศ. 2380 ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่ข่าวสารถูกแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งไปตารมสายเป็นระยะทางไกล ๆ ได้ โดยอาศัยวิธีการเข้ารหัสตัวอักษรเป็นรหัสที่ประกอบด้วยจุด (.) และขีด (-) เช่น สัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS จะเข้ารหัสเป็น ….---…. การรับส่งโทรเลขได้ถูกนำมาใช้งานในเชิงการค้าตั้งแต่ พ.ศ. 2387  และในปี พ.ศ. 2401 ได้มีการวางสายเคเบิลใต้มหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้เกิดการสื่อสารข้ามทวีประหว่างทวีปอเมริกากับทวีปยุโรปขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2419 อเล็กซานเตอร์ แกรเฮม เบลล์ ประดิษฐ์โทรศัพท์ขึ้น และได้ตั้งชุมสายโทรศัพท์แห่งแรกที่เมืองนิวเฮเวนรัฐคอนเนตทิคัตสหรัฐอเมริกา
    ในเวลา 6 ปีต่อมานั้นเครือข่ายโทรศัพท์ได้ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนในปัจจุบันทั่วโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยระบบโทรศัพท์ทางไกลอัตโนมัติ นับเป็นพัฒนาการอันยิ่งใหญ่ด้านเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคมคนเราทุกวันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอก การรับรู้ข่าวสาร เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์การรับฟังวิทยุหรือดูโทรทัศน์ โทรสาร ก็เป็นการใช้เทคโลยีสารสนเทศ จากจากนั้น การถอนเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัต (ตู้เอทีเอ็ม) ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน ไม่เฉพาะคนในเมืองเท่านั้น แม้แต่คนในชนบทก็ยังมีส่วนต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวันด้วย เช่น เมื่อไปทำบัตรประจำตัวประชาชนที่อำเภอ ทางอำเภอจะเรียกดูข้อมูลจากฐานข้อมูลกลาง ของสำนักทะเบียน กระทรวงมหาดไทยซึ่งเชื่อมเป็นเครือข่ายไปทั่วไปประเทศ สามารถเรียกดูได้ทันที เราเรียกระบบที่ต่อเชื่อมกันเป็นเครือข่ายที่สามารถเยกใช้ทันที เช่นนนี้ว่า ระบบออนไลน์ ซึ่งมีประโยชน์มากและเป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่จำเป็นและได้ผลดีมาก เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงกันทั่วประเทศ และสามารถเห็นได้พร้อมกันทั่วประเทศ อีกกรณีหนึ่งคือ การไปรับบริการรักษาตามโรงพยาบาล เมื่อก่อนนี้โรงพยาบาลต่าง ๆ มีระบบเวชระเบียน และผู้ป่วยแต่ละคนจะมีบัตรประจำตัวซึ่งต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี เพราะเมื่อไปติดต่อครั้งต่อไปเจ้าหน้าที่จะขอดูบัตรหากไม่มีบัตรและเลขที่ประจำตัวไม่มีก็ค้นหาได้ยากมาก แต่ในปัจจุบันโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาจัดการกับปัญหาดังกล่าว เพียงแต่ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อนามสกุลได้  เจ้าหน้าที่สามารถเรียกเวชระเบียนออกมาได้ภายในเวลาชั่วพริบตาและในหลาย ๆ โรงพยาบาลนี้ที่ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง ก็อาจไม่จำเป็นต้องมีเวชระเบียนที่เป็นเอกสารก็ได้ เพราะเวชระเบียนในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะถูกส่งจากคอมพิวเตอร์แม่ข่ายไปปรากฎบนจอคอมพิวเตอร์ในห้องตรวจทันทีเมื่อแพทย์ทำการตรวจโรคและสั่งยา แพทย์ก็จะพิมพ์คำสั่งลงในเครื่องขณะเดียวกันคำสั่งก็จะถูกส่งไปแผนกที่เกี่ยวข้อง เช่น แผนกเอกซเรย์ แผนกจ่ายยาเป็นต้น จากตัวอย่างนักเรียนคงพอสรุปได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไรมีประโยชน์อะไรอย่างไร และนำมาใช้ได้อย่างไรบ้างในชีวิตประจำวัน
    เทคโนโลยีและสารสนเทศเกิดจากการรวมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีโทรคมนาคมเข้าด้วยกัน เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาจัดการกับสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว และมีความถูกต้องแม่นยำ ทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานดียิ่งขึ้น เป็นผลให้ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์แทบทุกเรื่อง และนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ





    ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
                                 หลังช่วง พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา ปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมมีมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการสื่อสาร รวมถึงโทรศัพท์ไร้สายทำให้ชีวิตความเป็นอยู่และกิจวัตรประจำวันของเราเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก มนุษย์ได้รับความสะดวกสบายและประสบความสำเร็จในงานด้านต่าง ๆ เช่น งานธุรกิจ เทคโนโลยีทางการแพทย์ เทคโนโลยีการผลิตสินค้าเทคโนโลยีด้านอวกาศ และพาณิชยกรรม เป็นต้น
    โดยเฉพาะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ จึงเป็นที่มาของคำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” (Information and Communication Technology) หรือเรียกย่อ ว่า ICT
    เทคโนโยลีสารสนเทศและการสื่อสารคือเทคโนโลยีที่ใช้จัดการกับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นสามารถถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบ และสามารถส่งไปยังที่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในที่นี้จึงหมายถึงความรู้และวิธีการนำความรู้ไปใช้ ส่วนผลิตของเทคโนโลยีซึ่งทำให้เกิดการทำงานที่เราต้องการนั้น เราเรียกว่าระบบ(system)